Pepperstone ดีไหม?
ข้อดี Pepperstone:
-
- มีความน่าเชื่อถือสูง
- มีสินทรัพย์ให้เทรดเยอะ
- ค่า Spread Forex, ทองคำ, Bitcoin ต่ำ
- ค่า Swap Forex ต่ำ
- ไม่มีค่าธรรมเนียมในการฝากถอนเงิน
- มีแพลตฟอร์มการเทรดให้เลือกเยอะ
- มีโบนัสและโปรโมชัน
- ฝากเงินเข้าทันที
- ฝากถอนเงินขั้นต่ำน้อย
- มีช่องทางฝากถอนเงินเยอะ
- รองรับการฝากและถอนเงินทุกธนาคารในประเทศไทย
- มีเว็บภาษาไทยและมีทีมงานคนไทย
- ใช้งานสะดวกทั้งในมือถือและคอมพิวเตอร์
- มีเบอร์โทรในประเทศไทยและไลน์ให้ติดต่อ
ข้อเสีย Pepperstone:
-
- ค่า Swap Bitcoin สูง
- มีประเภทบัญชีเทรดให้เลือกน้อย
- เรทฝากถอนสูง
- การเทรดหุ้นมีค่าคอมมิชชัน
สรุปภาพรวม – Pepperstone
- เงินฝากขั้นต่ำ: $200 (฿6,000)
- เลเวอเรจสูงสุด: 1:500
- เทรดดิ้งแพลตฟอร์ม: MT4, MT5, cTrader
- หน่วยงานกำกับดูแล: ASIC, AMF, FCA
- การฝากและการถอนเงิน: Visa, Mastercard, PayPal และ Neteller
ข้อดี:
-
-
- ค่าสเปรดในการเทรดต่ำ
- มีฝ่ายดูแลลูกค้าที่ยอดเยี่ยม
-
ข้อเสีย:
-
-
- เทรดได้แค่ฟอเร็กซ์และ CFD บางตัวเท่านั้น
- เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากการไม่ใช้งานบัญชี
- แหล่งความรู้มีแค่ในรูปแบบบทความ
-
ข้อสังเกต:
-
- ค่า Swap ทองคำ อยู่ในระดับค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์อื่นๆ
- Leverage สูงสุด 1:500 ถือว่าอยู่ในระดับค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์อื่นๆ
- ระยะเวลารอถอนเงิน อยู่ในระดับค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์อื่นๆ
ข้อมูลเพิ่มเติม:
-
- Pepperstone เหมาะสมกับการเทรด EA ด้วย platform ที่มีความเยี่ยมยอด
- มี Live chat ให้บริการโดยเจ้าหน้าที่คนไทย
- มีสำนักงานที่ประเทศไทย (เซ็นทรัลเวิร์ด ชั้น 29)
ข้อมูลเกี่ยวกับ Pepperstone
1. Pepperstone คืออะไร
-
- Pepperstone คือโบรกเกอร์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2010 ที่ประเทศออสเตรเลีย เพื่อให้บริการเทรดฟอเร็กซ์และ CFDs ทั่วโลก.
2. รายละเอียดทั่วไป
-
- โบรกเกอร์มีที่ตั้งหลักที่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย และมีสำนักงานในหลายประเทศ.
- ได้รับการกำกับดูแลจาก Australian Seucurities and Investments Commission (ASIC) และ Financial Conduct Authority (FCA) ของประเทศอังกฤษ.
- บริการของ Pepperstone ครอบคลุมถึงกว่า 150 ประเทศ ด้วยเทรดเดอร์กว่า 300,000 ราย.
3. บริการและแพลตฟอร์ม
-
- ให้บริการเทรดฟอเร็กซ์และ CFDs ผ่านแพลตฟอร์มเทรดดิ้งยอดนิยม MT4, MT5 และ cTrader.
- มีแอพพลิเคชั่นบนมือถือสำหรับการเทรดดิ้งเพื่อความสะดวกสบาย.
- รับรองด้วยรางวัลและเกียรติบัตรต่างๆ ที่ได้รับรางวัลมาแล้ว.
4. ค่าธรรมเนียมและสเปรด
-
- มีค่าสเปรดต่ำสำหรับบัญชี Razor.
- แต่มีค่าธรรมเนียมบางอย่างที่เกี่ยวกับบัญชีและไม่เกี่ยวข้องกับการเทรด.
5. ฝ่ายบริการลูกค้า
-
- มีทีมงานที่ให้บริการดูแลลูกค้าด้วยความเป็นมืออาชีพและมีประสบการณ์.
6. คำแนะนำ
-
- ถึงแม้ว่า Pepperstone จะมีบริการดี แต่ยังมีค่าธรรมเนียมบางประการ สำหรับผู้ที่กำลังมองหาโบรกเกอร์ใหม่ อาจต้องการพิจารณา Exness ซึ่งมีแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย, ค่าธรรมเนียมต่ำ, และมีความรวดเร็วในการซื้อขาย.
ความน่าเชื่อถือของ Pepperstone
Pepperstone เป็นโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือสูงในวงการการเงินและการเทรด, โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศออสเตรเลียและทั่วโลก:
- ประวัติและชื่อเสียง: ความสามารถในการบริการ ประสบการณ์ในการให้บริการ, และความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้ Pepperstone มีชื่อเสียงในวงการเป็นอย่างดี.
- การได้รับใบอนุญาต: โบรกเกอร์นี้ได้รับการรับรองจากหลายองค์กรการควบคุมด้านการเงิน, เช่น ASIC และ FCA, ซึ่งเป็นองค์กรการควบคุมที่ได้รับความยอมรับระดับโลก.
- การรับรางวัล: Pepperstone ได้รับการยอมรับและรับรางวัลมากมายในหลายๆ ปี เป็นสิ่งยืนยันว่าบริษัทมีการบริหารจัดการที่ดีและมีประสิทธิภาพ.
ใบอนุญาตของ Pepperstone:
Pepperstone ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินการจากหลายองค์กรการควบคุม, รวมถึง:
- ASIC (Australian Securities and Investments Commission): โบรกเกอร์ได้รับใบอนุญาตเลขที่ 414530
- FCA (Financial Conduct Authority): ใบอนุญาตเลขที่ Registration Number 684312
- SCB: Pepperstone Markets Limited ใบอนุญาตเลขที่ SIA-F217
- CMA: Pepperstone Markets Kenya Limited ใบอนุญาตเลขที่ 128
- CySEC: Pepperstone EU Limited ใบอนุญาตเลขที่ 388/20
- BaFin: Pepperstone GmbH ใบอนุญาตเลขที่151148
- DFSA: Pepperstone Financial Services (DIFC) Limited ใบอนุญาตเลขที่F004356
การได้รับใบอนุญาตจากหลายองค์กรเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า Pepperstone ได้ทำการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบและเป็นตามกฎระเบียบของการเงินทั่วโลก
ประเภทบัญชีของ Pepperstone
Pepperstone เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่ได้รับความนิยมมากในหมู่เทรดเดอร์ทั้งในไทยและต่างประเทศ หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ Pepperstone ได้รับความนิยมคือ การมีประเภทบัญชีที่หลากหลาย ต่อไปนี้เป็นรายละเอียดของประเภทบัญชีที่ Pepperstone นำเสนอ:
-
บัญชี Standard:
- ไม่มีค่าคอมมิชชั่น
- เหมาะสำหรับเทรดเดอร์เริ่มต้นและเทรดเดอร์ที่เป็นลูกค้าใหม่
- สเปรดเริ่มต้นที่ 0-1.8 pip (เฉลี่ย 0.6 pip)
-
บัญชี Razor:
- มีค่าคอมมิชชั่น
- เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่เทรดบ่อยและมีรูปแบบการเทรดที่มีการเฮจ
- สเปรดเริ่มต้นที่ 0-0.3 pip
- ค่าคอมมิชชั่นเฉลี่ย 7-8 $/Lot/รอบ
การเลือกใช้บัญชีระหว่าง Standard และ Razor นั้นขึ้นอยู่กับลักษณะการเทรดและประเภทของเทรดเดอร์ ถ้าคิดง่ายๆ บัญชี Standard อาจจะดีสำหรับผู้เทรดเดอร์ที่ไม่ต้องการความซับซ้อนในการคิดค่าบริการ ในขณะที่ Razor อาจจะเหมาะกับผู้ที่มีปริมาณการเทรดมากขึ้นและต้องการค่าบริการที่แข่งขันได้ โดยรวมแล้วการเทรดด้วยบัญชี Razor จะคุ้มค่ากว่าในระยะยาว เนื่องจากค่าบริการรวมจะถูกกว่า
นอกจากนั้นยังควรคำนึงถึงค่า SWAP ที่ต้องเสียเมื่อถือสภาพเป็น overnight position. Pepperstone มีค่า SWAP ในระดับกลาง ที่ไม่ถือว่าแพงหรือถูกมากนัก และสำหรับค่าสเปรด, เพื่อความคุ้มค่าในการเทรด ควรเปิดออร์เดอร์ในช่วงเวลาที่ตลาดของคู่เงินนั้นๆ เปิดทำการ.
การฝากเงินและถอนเงิน
ในการฝากและถอนเงินผ่าน Pepperstone, ความสะดวกสบายและความปลอดภัยเป็นสิ่งที่คุณควรคำนึงถึง:
- PayPal: ต้องถอนส่วนต่างออกมาจนครบจำนวนที่คุณฝากมาก่อน จากนั้นคุณจึงจะสามารถถอนไปยังช่องทางอื่นได้ หากคุณฝากเงินผ่าน PayPal, คุณจะต้องถอนเงินผ่าน PayPal ก่อนอื่น. ข้อดีของ PayPal คือความเร็วในการดำเนินการ.
- Neteller และ Skrill: การฝากเงินผ่านทั้งสองช่องทางนี้จะเข้าทันทีและไม่มีค่าธรรมเนียม. แต่การถอนอาจมีค่าธรรมเนียม.
- Bankwire: การฝากและถอนเงินผ่านธนาคารอาจใช้เวลา 1-3 วัน ข้อดีคือคุณสามารถฝากหรือถอนเงินเป็นจำนวนมากได้.
- Local Bank transfer: สำหรับผู้ใช้งานในไทย, การฝากถอนผ่านธนาคารท้องถิ่นเป็นวิธีที่รวดเร็วและสะดวกสบาย. ค่าธรรมเนียมการฝากและถอนยังต่ำ.
- เครดิตการ์ด: สำหรับคนที่ต้องการฝากเงินอย่างรวดเร็ว, การใช้เครดิตการ์ดเป็นวิธีที่ดี.
- การถอนเงิน: การถอนเงินอาจมีข้อจำกัดบางประการเมื่อเปรียบเทียบกับวิธีฝากเงิน. ดังนั้น, คุณควรตรวจสอบและทำความเข้าใจในข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องก่อนทำการถอนเงิน.
เราขอแนะนำให้ตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดจากเว็บไซต์หรือติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ Pepperstone ก่อนทำการฝากหรือถอนเงินเพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน.
ขั้นตอนการฝากเงินถอนเงิน pepperstone
ขั้นตอนการฝากเงินและถอนเงินกับ Pepperstone ตามที่เป็นที่นิยม (รายละเอียดอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามอัพเดทจาก Pepperstone เพราะฉะนั้นควรตรวจสอบเว็บไซต์อย่างเป็นประจำ):
การฝากเงิน:
-
- เข้าสู่ระบบ:
- เข้าสู่ Secure Client Area ของคุณที่เว็บไซต์ของ Pepperstone.
- เลือก ‘ฝากเงิน’:
- คลิกที่เมนู ‘ฝากเงิน’ หรือเลือกวิธีการฝากเงินที่คุณต้องการ.
- เลือกวิธีการฝากเงิน:
- เลือกวิธีการฝากเงินที่คุณต้องการใช้, เช่น Bankwire, PayPal, Skrill หรืออื่น ๆ
- ป้อนรายละเอียด:
- ป้อนข้อมูลที่ต้องการ, อาทิเช่น ข้อมูลบัตรเครดิต, หมายเลขบัญชี PayPal หรือรายละเอียดการโอนเงินผ่านธนาคาร.
- ยืนยัน:
- ตรวจสอบรายละเอียดที่คุณป้อนว่าถูกต้อง, แล้วคลิกยืนยันการฝากเงิน.
- เข้าสู่ระบบ:
การถอนเงิน:
-
- เข้าสู่ระบบ:
- เข้าสู่ Secure Client Area ของคุณที่เว็บไซต์ของ Pepperstone.
- เลือก ‘ถอนเงิน’:
- คลิกที่เมนู ‘ถอนเงิน’ หรือเลือกวิธีการถอนเงินที่คุณต้องการ.
- เลือกวิธีการถอนเงิน:
- เลือกวิธีการถอนเงินที่คุณต้องการใช้, เช่น Bankwire, PayPal, Skrill หรืออื่น ๆ
- ป้อนรายละเอียด:
- ป้อนข้อมูลที่ต้องการ, อาทิเช่น ข้อมูลบัตรเครดิต, หมายเลขบัญชี PayPal หรือรายละเอียดการโอนเงินผ่านธนาคาร.
- ยืนยัน:
- ตรวจสอบรายละเอียดที่คุณป้อนว่าถูกต้อง, แล้วคลิกยืนยันการถอนเงิน.
- เข้าสู่ระบบ:
หมายเหตุ: ควรตรวจสอบค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการฝากและถอนเงินเพื่อตรวจสอบว่าไม่มีข้อจำกัดหรือเงื่อนไขเพิ่มเติม.
โปรแกรมเทรดของ Pepperstone
-
MetaTrader 4 (MT4)
- ประสิทธิภาพสูง: MT4 เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้งานได้เร็ว และมีความน่าเชื่อถือ
- เครื่องมือการวิเคราะห์: มีเครื่องมือวิเคราะห์ตลาดที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพ
- Expert Advisors (EAs): สามารถใช้งานสคริปต์อัตโนมัติสำหรับการเทรดได้
- ผู้ใช้งานเยอะ: เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกของการเทรด Forex
-
MetaTrader 5 (MT5)
- ฟีเจอร์เพิ่มเติม: มีความสามารถมากขึ้นเมื่อเทียบกับ MT4 เช่น Market depth และประเภทการส่งคำสั่งเทรด
- สนับสนุนสินค้าหลายประเภท: เช่นหุ้น, ดัชนี, และอื่น ๆ
- การวิเคราะห์ที่ดีขึ้น: เครื่องมือวิเคราะห์ที่มากขึ้นและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- ระบบเวลาหลายระบบ: สามารถดูกราฟได้หลายช่วงเวลา
-
cTrader
- ส่วนต่อประสานผู้ใช้ที่สวยงาม: มีการออกแบบที่เรียบง่ายและทันสมัย
- Level II Pricing: มองเห็น Market depth ได้โดยตรง
- การทำงานที่รวดเร็ว: แพลตฟอร์มทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพ
- เครื่องมือการเทรดที่เฉพาะเจาะจง: เช่น สร้าง EA ด้วยภาษาโปรแกรม C#
ดังนั้น, การเลือกใช้แพลตฟอร์มขึ้นอยู่กับความต้องการและความสะดวกสบายของแต่ละคน. หากคุณเป็นนักเทรดที่มีประสบการณ์กับ MT4 และต้องการความสามารถมากขึ้น อาจจะเลือกใช้ MT5 แต่ถ้าคุณต้องการการออกแบบที่ทันสมัยและเครื่องมือที่เฉพาะเจาะจง ก็อาจจะเลือก cTrader.